图片说明：泰国中华总商会连手新华丝路在泰举办“下一站：中国！”为主题的商务通关系列培训首场座谈。（一）左： 泰国商务部部长颂提叻致词 ，右：中国驻泰国大使馆公参杨欣致词。（二）左：泰国中华总商会主席陈振治致词，右：新华社中国信息社董事，副总裁刘明霞致词。（三） 颂提叻部长，杨欣参赞，陈振治主席，与泰中企业界人士主席台上合影。（四）颂提叻部长，杨欣参赞，陈振治主席，与泰中企业界人士在贵宾座合影。（五）泰中企业界人士踊跃出席培训首场讲座。（六）泰中企业界人士参加培训首场讲座，为况殊盛。

        泰国中华总商会、中国经济信息社及泰中商务中心于5月10日在曼谷中华总商会大楼光华堂大厅连手主办“下一站：中国！”商务通关系列讲座，旨在让泰国企业和民众更多的了解中国，了解中国市场，从中国发展中获取更多中国机会，跟上中国经济持续稳定发展的“高速列车”，该系列讲座将与中国知名企业一道为泰国商家分行业介绍中国企业商务平台，展示平台应用成功案例，为泰国优质产品进入中国市场建立信心并提供可靠的管道服务。FvK泰国华人中文网站【泰华网】
        本次培训是以“下一站：中国”为主题的系列商务通关讲座的首期课程，请来中国著名电商企业京东集团向泰国企业介绍其平台的功能、商业模式及物流系统在泰国的应用，并传授在中国注册公司、商标等企业认证及如何选择中国生意合作伙伴等技巧。FvK泰国华人中文网站【泰华网】
        泰国商务部部长颂提拉在讲座上致辞说，中国是泰国最大的贸易伙伴国，目前两国贸易额达到730亿美元，泰国计划在2020年将两国贸易额提高至1200亿美元；电子商务是现代经济中创新的商业形式，泰国向电商经济转型已是大势所趋，这种经济模式也将促使两国贸易体量扩大及更健康地发展。中国是世界上的电子商务大国，此次讲座向泰国企业分享中国电商的平台模式及运营经验，是有意打开中国市场的泰国企业了解中国的良机，希望越来越多泰国企业参与中国电商平台中。FvK泰国华人中文网站【泰华网】
        中国驻泰国大使馆公参杨欣说，泰国是中国在东盟的第三大贸易伙伴，越来越多的泰国水果、大米和橡胶制品进入中国市场，深受民众喜爱。中国对泰国直接投资持续增长，是泰国第三大投资来源地，经贸合作为两国带来实实在在的利益。在中泰两国经贸合作蓬勃发展，科技、创新和人才培养越来越成为双方合作新潮流的今天，这个系列讲座恰逢其时。FvK泰国华人中文网站【泰华网】
        泰国中华总商会陈振治主席介绍说，在当前泰国加速经济结构改革的大背景下，“一带一路”倡议和泰国工业4.0战略的无缝对接，进一步推动了两国大政方针的良性互动，为中泰企业经贸往来和深化合作开创了前所未有的崭新局面。泰国许多企业已将 “进入中国” 作为其发展的战略目标。如何进入中国市场，如何利用中国正在兴起的网购平台，快速、低成本进入中国市场是泰国企业渴求了解的问题。此次讲座希望能够让泰国企业和民众更多的了解中国，了解中国市场，从中国发展中获取更多中国机会，跟上中国经济持续稳定发展的“高速列车”。泰中商务中心（TCC Business Center) 是在泰国中华总商会和新华社中国经济信息社的大力倡导和推动下成立的旨在促进两国地方政府、 机构和企业间合作的综合性服务企业，希望这个商务中心能成为泰中两国之间经贸合作的诚信平台。FvK泰国华人中文网站【泰华网】
        新华社中国信息社董事、副总裁刘明霞说，在过去的三年里，越来越多的中国民族品牌走进了泰国，各大商超、机场甚至出租车都在使用移动支付，中国的手机品牌华为、OPPO等也为泰国民众广泛接受，摩拜单车也走进了泰国校园，京东也全面入驻泰国。推进中泰企业间踏实务实的合作，正是中国经济信息社和泰国中华总商会共同举办此次活动的初衷，也是“和平合作、开放包容、互学互鉴、互利共赢”的丝路精神的体现。新华丝路是新华社服务“一带一路”建设的经济信息服务平台，通过中英文数据库、信用查询、咨询与智库、交易撮合四大产品服务体系，为“一带一路”倡议的全球参与者提供全方位、全流程的服务，帮助中国企业“走出去”，海外企业“走进来”。FvK泰国华人中文网站【泰华网】
FvK泰国华人中文网站【泰华网】
        京东泰国公司总裁杨启焜向与会泰国企业家介绍说，京东集团是中国最大的零售商，尚泰集团是泰国最大的零售企业，双方合作在泰国成立合资公司，对双方面向未来的发展以及对泰国零售和电商行业的发展，都将是非常重要的里程碑。希望京东在泰国上线以后，能够有助于把优质的泰国商品源源不断地送到中国及东南亚其它国家，包括欧洲，当然我们也会把中国的优质商品带到泰国来。京东希望把京东的完整的商业模式全部复制到泰国 以及整个东南亚，推动整个东南亚及泰国的电商发展。FvK泰国华人中文网站【泰华网】
        本次讲座吸引了泰国政商界人士、高校领导及中泰两国企业家超过700人。泰中商务中心总裁谢华博士在培训活动总结发言中指出，中国持续40年的高速发展已成为世界发展史上的奇迹。中国道路、中国经验、中国创造、中国智慧、中国市场已引起了世界各国的高度关注。高铁、移动支付、共享单车、网购，被称作中国的“新四大发明”，这四大发明给中国人生活带来的深刻变化，也让世界对中国刮目相看。中国发展的红利正在惠及世界其它国家，特别是包括泰国在内的周边国家。泰中商务中心将定期邀请中泰两国企业高管及平台专家进行系列讲座，“下一站：中国！”第二期的主题讲座将会邀请中国第一大搜索引擎“百度”为泰国企业介绍百度如何协助企业打造品牌及营销中国。FvK泰国华人中文网站【泰华网】
FvK泰国华人中文网站【泰华网】

     วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมใหญ่อายัท อบาโลน คอนเวนชั่นฮอลล์ อาคารไทยซีซี ทาวเวอร์ มีการจัดสัมมนา Next station China เปิดประตูแดนมังกร ปฐมบท “นำธุรกิจไทยเข้าสู่ตลาดจีน” โดยอาศัยเครือข่ายการค้าออนไลน์ JD.com ที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในจีน เพื่อให้สามารถเจาะตลาดจีนได้อย่างยั่งยืน

     งานสัมมนาครั้งนี้ร่วมกันจัดขึ้นโดยหอการค้าไทย-จีน สำนักข่าวซินหัว (ประจำประเทศไทย) และศูนย์บริการธุรกิจไทย-จีน ที่เห็นพ้องกันว่าอีคอมเมิร์ซ คือวิวัฒนาการของการค้ายุคใหม่ที่สะดวก และรวดเร็ว สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาลให้กับผู้ขายและเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้ซื้อ และในตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของจีนนั้นยังมีอีคอมเมิร์ซอีกหลากหลายแพลทฟอร์มเลือกเข้าเป็นคู่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง JD.com ที่ปัจจุบันเข้ามาจับมือร่วมธุรกิจกับเครือเซนทรัลในชื่อ JD Central เพื่อรุกตลาดซื้อขายสินค้าคุณภาพในโลกออนไลน์ของไทยและเชื่อมสินค้าไทยไปยังจีน

      ในพิธีเปิดมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายหยางซิน อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ประธานหอการค้าไทย-จีน นางหลิวหมิงเสีย รองประธานสำนักงานบริการข้อมูลข่าวสารเศรษฐกิจ สังกัดสำนักข่าวซินหัว นายหมิงต้าจวิน ผู้อำนวยการสำนักข่าวซินหัว ดร.หัวเซี่ย ประธานบริหาร TCC Business Center นายหยางฉีคุน ประธานบริหาร เจดี เซนทรัล เป็นต้น งานนี้มีผู้สนใจเข้าฟังนับพันคน

     นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ก้าวทันการค้ายุคใหม่บนแพลทฟอร์มการค้าแดนมังกร” ว่า “ปัจจุบันไทย-จีน มีมูลค่าทางการค้าต่อกันรวมประมาณ 73,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีเป้าหมายจะขยับตัวเลขนี้ให้สูงขึ้นเป็น 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ.2020 ขณะเดียวกัน จีนก็ลงทุนในไทยมากเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน และในด้านการท่องเที่ยวนั้น ชาวจีนมาเที่ยวไทยเมื่อปีที่ผ่านมา 8.8 ล้านคน และคาดว่าในปีนี้จะมากถึง 10 ล้านคน

     นอกจากนี้นโยบาย B&R Initiative ของจีนที่เชื่อมโยงทั้งภูมิภาค ก็ให้ความสำคัญกับไทยด้วย เพราะว่าไทยโชคดีที่เป็น “ไข่แดง” ของอาเซียน ซึ่งเร็วๆ นี้นั้น รัฐบาลจะจัดการประชุมระหว่างไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา หรือ CLMVT ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย เป็นการประกาศว่า นอกจากเราจะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนแล้ว ยังเป็นไข่แดงของกลุ่มประเทศ CLMVT ด้วย

และยังเชื่อมต่อกับ Thailand 4.0 และ EEC (โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก) ด้วย ซึ่งความโดดเด่นของ EEC นี้ทำให้หลายประเทศสนใจจะเข้าลงทุนทั้งในอุตสาหกรรมเก่า (S-curve) และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-curve)

     การค้าปัจจุบันนี้ สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์พยายามออกมาเตือนเสมอนั่นก็คือ รูปแบบการค้าจะเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ คือ การค้าบนดิจิตอลแพลทฟอร์ม ซึ่งมีพลังทำลายล้างสูงมาก จนจะเข้ามาแทนการค้าแบบเก่าทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลก็ประกาศแล้วว่าการค้าต่อจากนี้ไปจะเน้นในเรื่องของอีคอมเมิร์ซ

     นอกจากนี้นายสนธิรัตน์ ยังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า “การค้าระหว่างไทยกับจีนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2020 เรามีเป้าหมายเพิ่มที่แสนล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป ซึ่งคิดว่าเราสามารถเดินเข้าถึงเป้าหมายอยู่แล้ว เนื่องจากว่าตัวเลขนี้มาจากการคำนวณในรูปแบบเดิม แต่มาตอนนี้นั้นเรามีการค้ารูปแบบใหม่ที่เป็นการค้าแบบอีคอมเมิร์ซเข้ามา และประเทศจีนมีกำลังซื้อสูงมาก การค้าแบบเดิมยังทำให้เติบโตได้ขนาดนี้ แต่การค้าแบบใหม่จะพาเราเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคจีนได้มากกว่าเดิม และบวกกับการที่ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าตลาดจีนได้ง่ายขึ้นถือเป็นปรากฏการณ์ที่ดีต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย

     ด้านนายหยางฉีคุน ประธานบริหาร เจดี เซนทรัล ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า “นายหลิวเฉียนตง ประธานบริษัท JD.com ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และระบุว่าปัจจุบันนี้สินค้าเกือบทุกชนิดของไทยมีขายใน JD.com และแต่ละไตรมาสยอดขายเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ และในอนาคตจะนำเข้าสินค้าไทยไปจำหน่ายมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท

     ในช่วงหน้าร้อนปีนี้ ทาง JD.com มีแผนจะเปิดแพลทฟอร์ม JD Central เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าไทย และยังจะนำเข้าสินค้าการเกษตรและสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของไทย เพื่อให้ประชาชนไทยกว่า 73 ล้านคนได้รับประโยชน์ โดยหวังว่า SMEs ของไทยจะเข้ามาร่วมมือกับทาง JD.com มากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันคนจีนประทับใจเมืองไทยมาก ในจำนวนนักท่องเที่ยว 30 ล้านคนที่มาเยือนไทย มีชาวจีนถึง 10 ล้านคน และติดใจสินค้าไทย อาทิ ทุเรียน ข้าวหอมมะลิ พริกไทยดำ และอื่นๆ ดังนั้นจึงหวังว่าจะมีสินค้าอื่นๆ ส่งไปขายที่จีนมากยิ่งขึ้น

     หลังจากพิธีเปิดงานเสร็จสิ้นทีมผู้บริหารของ JD.com ก็ได้ขึ้นอธิบายความเป็นมาเป็นไปของบริษัท แนะนำแนวทางการเข้าสู่ตลาดจีนผ่าน JD.com ขั้นตอนการทำการตลาดทุกรูปแบบ จุดเด่นต่างๆ ของเครื่องมือที่ JD.com มี ไม่ว่าจะเป็นระบบอัจฉริยะในการจดจำพฤติกรรมผู้บริโภค ระบบการจัดส่งที่ฉับไว ระบบการเงินที่โปร่งใส และเสริมศักยภาพต่างๆ ให้ร้านค้า นอกจากนี้ยังได้เชิญเจ้าของแบรนด์ไทยอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จ “ยำยำ” ที่ประสบความสำเร็จในตลาดจีนมาแชร์ประสบการณ์การทำงานกับ JD.com ด้วย